รวบแล้ว พนักงานยักยอกเงิน ตู้ ATM ขอนแก่น เชิด 19 ล้าน อ้างลงมือคนเดียว


จากกรณีที่นายวันชัย ศรีกุงทอง อายุ 40 ปี ได้รับมอบอำนาจจาก บริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีพนักงานของบริษัทฯ ประกอบด้วยนายธวัชชัย นายสมโภชน์ และนายสุรศักดิ์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและนำจ่ายเงินสดให้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ที่ติดตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังมีการตรวจสอบพบว่าการยักยอกทรัพย์และลักทรัพย์นายจ้างเป็นเงินสดไปเป็นจำนวนมาก


พ.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ผู้ได้รับมอบอำนาจได้เข้าแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังฝ่ายตรวจสอบพบสิ่งผิดปกติในระบบการนำจ่ายเงินและระบบเงินสดของตู้เอทีเอ็ม ทั้ง 17 ตู้ซึ่งติดตั้งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น

โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ธนาคารจะต้องทำการเบิกจ่ายและตรวจสอบระบบเงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม ทั้งหมด พบว่าระหว่างวันที่ 27-31 ก.ค.มียอดเงินสดได้หายไปจากตู้เอทีเอ็ม อีกทั้งพนักงานทั้ง 3 ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้ขาดงานไปอย่างผิดปกติ

ทั้งนี้ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาทุกธนาคารมีการสั่งจ่ายเงินสดไปไว้ในตู้เอทีเอ็ม โดยที่ธนาคารกรุงไทย พบว่ามียอดเงินสดนั้นหายไปและเมื่อตรวจพบทั้งตู้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้หายไปรวมกว่า 19,762,200 บาท

ล่าสุด (2 ส.ค.) ความคืบหน้าของคดีนี้ พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้คับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า นายสมโภชน์ พนักงานขนเงินของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ซึ่งทำหน้าที่ขนเงิน ได้ทำการยักยอกเงินจริง สอบสวนเบื้องต้นนายธวัชชัยและนายสุรศักดิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยักยอกเงิน

โดยได้ลงมือก่อเหตุยักยอกเงินเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา จากนั้นได้หลบหนีไปยังประเทศ สปป.ลาว แต่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา และสามารถยึดเงินสดกลับมาได้จำนวน 1.4 ล้านบาทเศษ พร้อมทองรูปพรรณจำนวน 5 เส้น และสายรัดเงินธนบัตรชนิดต่างๆรวมกว่า 40 เส้น

ส่วนเงินที่นายสมโภชน์ยักยอกไปนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่บริษัท ซึ่งคาดว่าภายในช่วงเที่ยงวันนี้ (2 ส.ค.) จะทราบจำนวนเงินที่ยักยอกไปจริง และจะนำตัวนายสมโภชน์ ไปชี้จุดในช่วงบ่ายวันนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง ขอนแก่น พนักงานแบงค์ ไม่นำเงินใส่ตู้ ATM เชิด 19 ล้านหนี

ที่มา: Sanook


สาวหลับในพุ่งชนเจ้าคณะตำบลดับสยอง


วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.ท.เสถียร อ่อนทอง พงส.ผนก.สภ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีรถยนต์เก๋งชนกันทำให้มีผู้เสียชีวิตริมถนนสายพิษณุโลก- อุตรดิตถ์ ฝั่งขาออกจากตัว อ.วัดโบสถ์ หมู่ 2ต.วัดโบสถ์ ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.วัดโบสถ์ ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือดอยู่ริมถนน ทราบชื่อต่อมาคือ พระสมุห์ทวีทรัพย์ จนฺทาโภ อายุ 44 ปี เจ้าคณะตำบลท่างาม รักษาการเจ้าอาวาสวัดเสนาส์น ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ สภาพศพกะโหลกแตก ห่างออกไปพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน กง-7368 อุตรดิตถ์ จอดอยู่สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน ใกล้กับรถยนต์เก๋งยี่ห้อเปอร์โย สีแดง ทะเบียน กท-7157 พิษณุโลก ที่อยู่ในสภาพท้ายรถพังยับเยินเช่นกัน


ในที่เกิดเหตุ มี น.ส.วธัญญา มูลจันทร์ อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 235/2 หมู่ 5 ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นคนขับรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ ยืนรออยู่ในที่เกิดเหตุท่าทางตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สอบถามเบื้องต้นทราบว่า ขับรถมาจาก จ.อุทัยธานีเพียงคนเดียว กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านที่ จ.อุตรดิตถ์ ขณะถึงจุดเกิดเหตุรู้สึกวูบเหมือนหลับใน รู้สึกตัวอีกทีก็ชนรถยนต์ของพระสมุห์ทรัพย์ทวีไปแล้ว

นางชุรี ดิษฐ์เนตร์ อายุ 44 ปี แม่ค้าที่ตั้งเพิงขายอยู่ริมทางบริเวณจุดเกิดเหตุ ให้การกับตำรวจว่า พระสมุห์ทวีทรัพย์ขับรถยนต์เก๋งมาจอดเลยร้านตนไปนิดหนึ่ง แล้วลงมาหาซื้อจาวตาลแต่ที่ร้านตนไม่มี จึงเดินกลับไปที่รถ ขณะที่พระสมุห์ทวีทรัพย์กำลังเปิดประตูรถอยู่นั้น รถของ น.ส.วธัญญา ที่ขับมาจากตัว อ.วัดโบสถ์ ได้พุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์เก๋งทำให้พระสมุห์ทวีทรัพย์กระเด็นไปหัวฟาดกับพื้นถนนเสียชีวิตดังกล่าว ตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพผู้เสียชีวิตส่งให้แพทย์ชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้งที่ รพ.วัดโบสถ์ และจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา: ข่าวสด


พ่อลูกถ่ายรูปคู่ทุกปีเป็นเวลาเกือบ 30 ปี จนกระทั่งลูกชายกลายเป็นพ่อคน

คุณพ่อรายหนึ่ง ได้เริ่มถ่ายรูปคู่กับลูกชายของตัวเองตั้งแต่ยังเป็นทารก หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายรูปอย่างนี้ทุกๆปีเพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกชายและตัวเองครับ


เป็นเวลาเกือบ 30 ปีจนถึงปัจจุบัน ในตอนนี้คุณพ่อคนดังกล่าวก็ได้กลายเป็นคุณปู่ไปเรียบร้อยแล้วครับ เอาเป็นว่าเราไปดูรูปภาพเหล่านั้นกันได้เลย


ที่มา: Wegointer.com


รวบยกแก๊งสาวหล่อคาฝั่งโขง หิ้วยาบ้ามูลค่า 100 ล้าน ของกลางอื้อ!!


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ส.ค. นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ รอง ผวจ.นครพนม พล.ต.ต.ธนพล บริบูรณ์ ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.อ.อดุล วชิรเพชรปราณี รอง ผอ.รมน.นครพนม แถลงจับกุม น.ส.อรพิน ทำดี อายุ 23 ปี ชาว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ น.ส.วาสนา ผาบัง อายุ 34 ปี และ น.ส.พิมพ์ศิริ จันทะโคตร วัย 44 ปี ชาว ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมยาบ้า 498,000 เม็ด รถกระบะโตโยต้า สีขาว ทะเบียน นข 1775 นครพนม


พล.ต.ต.ธนพล กล่าวว่า สืบทราบว่าจะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางรถยนต์ในพื้นที่ อ.เมือง ส่งนายทุนรายใหญ่ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ธีทัต อิ่มทั่ว รอง ผบก. พ.ต.อ.ดนัย รัตนประเสริฐ ผกก.สืบสวนฯ เวลา 21.30 น. วันที่ 31 ส.ค. พบหญิงต้องสงสัย 3 ราย ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาจาก บ.ห้อม ต.อาจสามารถ

จึงนำกำลังชุดสืบสวนฯ ตม. ตำรวจน้ำ ตชด.237 สกัดเส้นทางหลบหนี  ก่อนแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดพระอินทร์แปลง ถนนสุนทรวิจิตร อ.เมือง ขณะเตรียมลากกระเป๋าขึ้นมาใส่รถคันดังกล่าว

จากการตรวจค้นกระเป๋าลากสีชมพู 1 ใบ และกระเป๋าสีดำ 2 ใบ รวม 3 ใบ พบยาบ้าจำนวนดังกล่าวมูลค่า 100 ล้านบาท มีกระดาษไขสีเหลืองห่อหุ้ม และมีกระดาษฟอยล์สีบรอนซ์ห่อหุ้มอีกชั้นคล้ายแท่งกัญชา จึงคุมตัวมาที่โรงพัก


สอบสวนเบื้องต้น น.ส.อรพิน สาวลักษณะทอมบอยหรือสาวหล่อ สารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนางไช ชาวลาว ในราคา 20,000 บาท ขับรถกระบะคันดังกล่าว มากับพวกรวม 3 คน เพื่อมารับกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ เพื่อลำเลียงส่งนายทุนอีกทอดในจังหวัดชั้นในต่อไป จึงคุมตัวไว้ขยายผลเครือข่ายที่เหลือ ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองนครพนม ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธนพล ระบุว่า ยาเสพติดล๊อตนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผล หลังจาก ร้อย อส.จ.นพ.ที่ 1 และฝ่ายปกครอง ตรวจยึดยาบ้าจำนวน 2 แสนเม็ด บริเวณลานจอดรถ อบต.อาจสามารถ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 รายดังกล่าว ซึ่งอาจมีส่วนเชื่อมโยงลักลอบนำยาเสพติด ข้ามแม่น้ำโขงจากประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วหลายครั้ง

ที่มา: ข่าวสด


แชร์ว่อนคลิประทึก!! พายุหมุนหอบหลังคา ผช.ผญบ.นครพนม ปลิวว่อน-ชาวบ้านตกใจหวีดร้อง


วันที่ 1 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานจาก จ.นครพนม ว่า โลกโซเชียลแชร์ภาพคลิปวิดีโอนาทีระทึกที่มีผู้บันทึกภาพไว้ได้ ขณะมีฝนตกและท้องฟ้ามืดครึ้ม ก่อนที่พายุหมุนจะซัดถล่มบ้านนายไขแสง บรรหาร วัย 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ.ดงติ้ว หมู่ 12 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม แรงลมที่กระโชกรุนแรง ได้พัดหอบเอาโครงหลังคาปลิวว่อนไปกับสายลม เสียหายทั้งหลัง


หลังเกิดเหตุเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านต่างเอาผ้ายางมาคลุมไว้ชั่วคราว ขณะที่ล่าสุดฝนยังตกกระหน่ำ โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.30 น. 

ขอบคุณคลิป คุณพินิตย์ หมื่นลูกท้าว กำนัน ต.บ้านกลาง



ที่มา: ข่าวสด


บ้าระห่ำ หนุ่มพิเรนทร์วิ่งลอดใต้ท้องขบวนรถไฟ (ชมคลิป ห้ามเลียนแบบเด็ดขาด)


คลิปวิดีโอนี้ถ่ายโดย Cesar Renteria และโพสต์ลงเฟซบุ๊คเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ชายวัยรุ่นโชว์ห้าวสุดระห่ำ กลิ้งตัวเข้าใต้ท้องขบวนรถไฟสินค้าที่กำลังแล่นด้วยความเร็ว ก่อนจะกลิ้งกลับออกมา จากนั้นก็วิ่งมุดลอดใต้ท้องขบวนรถไปไปอีกด้านหนึ่ง โดยเหตุเกิดขึ้นที่เมืองแชนเนล เท็กซัส สหรัฐ


อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวถูกประณามจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก เพราะเห็นว่าหากเกิดความผิดพะลาดขึ้นมา อาจทำให้ขบวนรถไฟตกราง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก


This is what drugs do to u so don't do drugs on dell dale at the tracks crazy white boy
Posted by Cesar Renteria on Monday, July 27, 2015


ที่มา: ข่าวสด


แชร์สนั่น! ผงะกล้อง! ชายช่วยตัวเองบนรถเมล์ รีบโดดหน้าต่างหนี (ชมคลิป)


แชร์สนั่น คลิปชายช่วยตัวเองบนรถเมล์ พอเห็นกล้องรีบโดดหน้าต่างหนี

เฟซบุ๊คว่า Piyatat Jiangsiripun ได้โพสต์คลิปวิดิโอชายโรคจิต กำลังช่วงตัวเองบนรถเมล์ฟรี สาย21 โดยคนถ่ายได้ลุกขึ้นไปถามชายคนดังกล่าวว่าทำอะไร พอเห็นว่าตนถูกถ่ายไว้ จึงรีบลุก เดินหนี ไปยังบริเวณที่นั่งคนขับ ก่อนกระโดดหน้าต่างหนีได้


โดยคุณ Piyatat Jiangsiripun ได้โพสต์คลิปดังกล่าว พร้อมใจความว่า

“โรคจิต เจอย่านฝั่งธน (แอบช่วยตัวเองบนรถเมล์ฟรีสาย 21) เจอกล้องถึงกับกระโดดหน้าต่างรถ
ชายในวิดีโอนี้ได้กระทำอนาจารบนรถเมล์ฟรีสาย 21 ซึ่งกระทำกับผู้หญิงถึง 2 คน คนแรกเป็น นศ. ออกแนวเด็กเรียบร้อยเลยไม่กล้าโวยวาย ได้แต่รีบลุกไปยืนหน้าประตูแล้วก็ลงจากรถไป ส่วนคนที่ 2 คือแฟนของผมเอง ผมทนไม่ได้เลยอยากเห็นหน้าว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อเอาไว้เตือนภัยให้กับสังคมไทยในปัจจุบันนี้ครับ”


โรคจิต เจอย่านฝั่งธน (แอบช่วยตัวเองบนรถเมล์ฟรีสาย 21)เจอกล้องถึงกับกระโดดหน้าต่างรถชายในวิดีโอนี้ได้กระทำอนาจารบนรถเมล์ฟรีส­าย 21 ซึ่งกระทำกับผู้หญิงถึง 2 คน คนแรกเป็น นศ. ออกแนวเด็กเรียบร้อยเลยไม่กล้าโวยวาย ได้แต่รีบลุกไปยืนหน้าประตูแล้วก็ลงจากรถไ­ป ส่วนคนที่ 2 คือแฟนของผมเอง ผมทนไม่ได้เลยอยากเห็นหน้าว่าหน้าตาเป็นอย­่างไร เพื่อเอาไว้เตือนภัยให้กับสังคมไทยในปัจจุ­บันนี้ครับ--------------------------------------เครดิต@Piyatat Jiangsiripunwww.livesport24h.comแทงบอลSBOBETกับตัวแทนตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์ สมัครใหม่ฟรี20% ถอนได้24ชม. ดูบอลสดได้ในเว็บ
Posted by คลิปดังเฟสบุ๊ค on Friday, July 31, 2015


ที่มา: เพจคลิปดังเฟสบุ๊ค


ตร.รวบตัว คุณลุงอินดี้ มีดฟันพี่เขยตาย ครึ่งปีเดินเท้าหนีทั่วอีสาน


ตำรวจจับมือมีดฟันพี่เขยตาย หลังเดินเท้าหนีมาครึ่งปี สารภาพเครียดเพราะทะเลาะกันบ่อย ไม่เคยคิดมอบตัว แต่ไปไม่รอด โดยรวบตัวตอนวกกลับมาใกล้บ้านเกิด

(1 ส.ค.) พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ผกก.สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยชุดจับกุมแถลงข่าวจับกุม นายอุเทน แคว้นเขาเม็ง อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จ.2/2558 ลงวันที่ 10 มกราคม 2558 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา


พ.ต.อ.ธนาวัชร กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา นายอุเทน ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำร้ายฟันศรีษะและแขน นายพุทธา อายุ 65 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขย เสียชีวิตที่ทุ่งนาด้านทิศใต้หมู่บ้านแดงน้อย จากนั้น นายอุเทน ได้หลบหนีไปโดยถือเอาอาวุธมีดไปด้วย จึงได้ออกหมายจับและแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวนหาตัวมาโดยตลอด และได้มีการตั้งรางวัลนำจับจำนวน 10,000 บาท

จนกระทั่งผ่านไปกว่า 6 เดือน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.หนองเรือ ได้รับแจ้งว่ามีชายลักษณะคล้าย นายอุเทน ซ่อนตัวในกระท่อมนาในเขตเทศบาลหนองแก จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมและควบคุมตัว ค้นพบอาวุธมีดที่ใช่ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายพุทธา

นายอุเทน สารภาพว่าที่ลงมือทำร้าย นายพุทธา เนื่องจากเกิดความเครียด มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวมานาน จนทนไม่ไหวจึงลงมือดักทำร้ายใช้อาวุธมีดฟัน นายพุทธา ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต จากนั้นได้ตัดสินใจวิ่งหนีไปตัวเปล่า ไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์ มีเพียงมีดที่ใช้ก่อเหตุติดตัวไปด้วยตลอด แต่ได้หากระดาษหาผ้าพันมีเอาไว้ เดินเข้าป่าอ้อยจนไปถึงจังหวัดชัยภูมิ

จากนั้นก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น อาศัยแวะพักตามวัด อาศัยข้าววัดกิน ส่วนเสื้อผ้าก็เก็บเอาข้างทาง ที่คนทิ้งไว้แต่ยังเห็นสภาพดีก็เก็บเอามาซักใส่ ส่วนรายได้ก็หาเก็บกระป๋อง เก็บขวดไปขายได้ 5-10 บาท เพราะไม่อยากจะรบกวนขอเงินหรือขอข้าวคนอื่นกิน

นายอุเทนบอกว่าตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือนที่หนีไป ไม่เคยคิดจะมอบตัว แต่คิดจะเดินไปเรื่อยๆ พบเห็นป้อมตำรวจก็จะเดินเลี่ยง ไม่เข้าไปในหมู่บ้านไม่ต้องการให้คนถาม ไม่ต้องการสุงสิงกับใคร เดินไปเกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน แต่ที่วกกลับมาที่ อ.หนองเรือ ไม่ได้คิดจะกลับมาหาญาติหรือมอบตัว เพียงแต่จะเดินทางต่อไปอีก ตั้งใจจะไปทางภาคเหนือ หรืออาจจะไปทางใต้ เนื่องจากเดินทั่วภาคอีสานแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีข่าวการจับกุมตัว นายอุเทน ทางญาติได้เดินทางมาพบเพราะเป็นห่วง ที่ผ่านมาทุกคนต้องการให้ นายอุเทน มอบตัว แต่ติดต่อไม่ได้ หลังเกิดเรื่องครอบครัวทั้งสองฝ่าย ต่างมองหน้ากันไม่ติด แทบจะไม่พูดคุยกัน ไม่อยากให้มีเรื่องโกรธแค้นกันต่อไปอีก เพราะทุกคนคือญาติกัน

หลังจากแถลงข่าวจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายอุเทน ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ บริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้านแดงน้อย ท่ามกลางของความสนใจของชาวบ้านและญาติของผู้เสียชีวิต

ที่มา: Sanook


ขอนแก่น พนักงานแบงค์ ไม่นำเงินใส่ตู้ ATM เชิด 19 ล้านหนี

(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว)

พนง.ธนาคารกรุงไทย เชิดเงิน ร่วม 19 ล้านบาทหลบหนี หลังไม่นำใส่ตู้เอทีมเอ็ม ในช่วงวันหยุดยาว

พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากผู้รับมอบอำนาจ จาก บ.กรุงไทย ธุรกิจ บริการ ให้ดำเนินการเร่งจิดตามจับกุม นายธวัชชัย นายสมโภชน์ และ นายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทฯและทำหน้าที่ตรวจสอบและนำจ่ายเงินสดให้กับตู้เอทีเอ็ม ต่างภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังตรงจพบว่ามีการยักยอกเงินไปจำนวนมาก


พ.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ได้จัดชุดเฉพาะกิจเร่งไล่ล่าติดตามจับกุม พนักงานของธนาคารกรุงไทย กังกล่าวทั้งหมด โดยพบว่ามีระยะเวลาในกรก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 27-31 กรกฎาึคมที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารจะตัองนำจ่ายเงินสดให้กับตู้เอทีเอ็มทุกแห่งเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันเข้าพรรษาแต่ผู้ต้องหาได้หายตัวไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าสามารถยักยอกเงินสดไปได้รวมกว่า 19,762,200 บาท

ที่มา: Sanook


ขอนแก่น พี่ชายโมโหน้องห้ามกินเหล้าเข้าพรรษา คว้าอีโต้ไล่ฟัน-เจอชักคัตเตอร์ปาดคอดับสยอง!!


เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.อ.ปราโมทย์ วิชัยวงษ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ย่อยโคกสี อ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธมีดต่อสู้กันจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้าน หมู่ 1 ต.หนองตูม อ.เมือง จ.ขอนแก่น อยู่ใกล้กับที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พงษ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.นรวัฒน์ คำภิโล รอง ผกก.สส.สภ.เมืองขอนแก่น แพทย์เวร รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น อาสาสมัครมูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มี นายสยาม ถิ่นหนองตูม อายุ 51 ปี อยู่ ต.หนองตูม อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีรอยสักเสือเผ่นอยู่กลางหน้าอก สวมใส่กางเกงขาสั้นสีเทาไม่สวมเสื้อ นอนหงายตายเลือดท่วมตัว มีบาดแผลถูกคัตเตอร์เชือดที่ลำคอไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง และพบมีดคัตเตอร์ด้ามสีฟ้าหล่นอยู่ข้างตัวผู้ตาย และมีดอีโต้ 1 เล่ม ก็อยู่ในบริเวณที่พบศพนายสยามด้วย


นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าวได้มี นายวิทรัช ถิ่นหนองตูม อายุ 43 ปี น้องชายผู้ตายอยู่บ้านเดียวกันสวมใส่กางเกงขาสั้นสีเดียวกับผู้ตาย ไม่สวมเสื้อ มีเลือดท่วมตัว ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับบอกว่า ผมเป็นคนใช้มีดคัตเตอร์ปาดคอพี่ชายจนตายคาที่ เพราะแค้นเตือนไม่ให้กินเหล้าเข้าพรรษา แต่พี่ชายไม่เชื่อ แถมตบตีจนต้องใช้มีดฆ่าพี่ชาย


จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายสยาม และ นายวิทรัช เป็นพี่น้องกัน ทำงานรับจ้างทั่วไป โดยทั้งสองคนชอบกินเหล้า กระทั่งวันที่ 31 ก.ค. 2558 นายวิทรัชที่เป็นน้องชายได้ขอให้นายสยามที่เป็นพี่ชายเลิกเหล้าเข้าพรรษา 3 เดือน แต่พี่ชายไม่ยอมเลิกเหล้าตามที่น้องชายขอร้อง แถมในวันเกิดเหตุ พี่ชายได้ไปชวนเพื่อน 2–3 คน มากินเหล้าในบ้านตั้งแต่หัวค่ำ น้องชายไปเตือนพี่ชายหลายครั้งให้เลิกกินเหล้า จนครั้งสุดท้ายพี่ชายเกิดโมโหสุดขีดจึงได้คว้ามีดอีโต้ภายในบ้านจะไล่ฟันน้องชายที่มาไล่ให้เลิกกินเหล้าในบ้านของตัวเอง

น้องชายจึงได้ชักมีดคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เพื่อต่อสู้กับพี่ชาย เพื่อนในวงเหล้าก็พากันห้ามเอาไว้ โดยพี่ชายอยู่ในอาการเมามากจนนอนหลับไป ส่วนเพื่อนร่วมวงเหล้าไปตามหารถเพื่อจะมารับพี่ชายไป รพ.ขอนแก่น ขณะที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านเกิดเหตุน้องชายสุดแค้นที่ถูกพี่ชายด่าว่าหลายอย่าง แม้ไปขอให้หยุดกินเหล้าช่วงเข้าพรรษาก็ตาม


จึงได้ใช้มีดคัตเตอร์ปาดคอพี่ชายจนตายอนาถ และรอมอบตัวอยู่ที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว นายวิทรัช ถิ่นหนองตูม น้องชายดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาฆ่าพี่ชายของตนเองโดยได้นำนายวิทรัชไปฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา: ข่าวสด


ท่อแรงดันสูงภายในโรงงานแอลกอฮอล์ จ.นครปฐมระเบิด เจ็บ 3 คน


เมื่อเวลาประมาณ 14.20 น.วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 ร.ต.ท.ชุมพล แตงจุ้ย พงส.เวรสอบสวน สภ.บางเลน จ.นครปฐม รับแจ้งจากสายตรวจบางไทรป่าว่า มีอุบัติเหตุท่อสตรีมแรงดันขบวนการผลิตภายในโรงงานผลิตแอลกอฮอล์ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ถนน บางเลน-บางหลวง ตำบล บางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ ได้เกิดระเบิด มีคนงานได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเหตุ ภายในโรงงานส่วนขบวนการพบเพียงร่องรอยของความเสียหายที่ถูกกวาดเก็บแล้ว คือ ท่อสตรีมแรงดันความร้อนได้หลุดออกจากข้อต่อไม่ทราบสาเหตุ เป็นเหตุให้คนงานชาย 3 คนที่ทำงานอยู่บริเวณท่อได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดประมาณ 13.30 น. ซึ่งหลังเกิดเหตุ ผู้เกี่ยวข้องของโรงงานได้ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายใน โดยผู้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายอานัติ เตียเวียง นายสุชาติ มณีโชติ และนายผดุงศิลป์ สงไทย ทั้ง 3 คนได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเป็นแผลถลอกฟกช้ำ ไม่สาหัส หลังแพทย์ตรวจร่างกายแล้วให้กลับบ้านได้


สำหรับเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงประมาณ 13.30 น.ของวันนี้ โดยชาวบ้านใกล้เคียงโรงงานได้ยินเสียงดัง คล้ายระเบิดดังสนั่นขึ้นในโรงงาน และมีความโกลาหลเกิดขึ้น และมีผู้โทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิฯ จ.นครปฐม ให้รุดมาตรวจสอบ แต่ทางโรงงานไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปภายใน โดยสั่งห้ามมิให้ผู้ใดให้ข่าว และพบว่ามีรถของทางโรงงานนำผู้บาดเจ็บขับออกจากโรงงานมุ่งหน้าไปทางตัวอำเภอ ซึ่งทราบต่อมาว่า ทางผู้เกี่ยวข้องของโรงงานได้นำผู้บาดเจ็บจากการระเบิด ซึ่งเป็นคนงาน จำนวน 3 ราย ส่งรพ.บางเลน เพื่อทำการรักษา

สำหรับโรงงานดังกล่าว สามารถผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ได้วันละประมาณ 400,000 ลิตร ซึ่งในอดีตเมื่อหลายปีก่อนถูกชาวบ้านในหลายตำบลที่อยู่ในรัศมีรอบๆโรงงาน ร้องเรียนเรื่องกลิ่นเหม็น มีชาวบ้านป่วยเรื้อรัง จากระบบทางเดินหายใจ และผิวหนังจำนวนหลายราย และยังถูกกล่าวหาว่า โรงงานดังกล่าวลักลอบปล่อยน้ำเสียจากขบวนการผลิตทิ้งลงในแม่น้ำท่าจีน ทั้งด้วยวิธีการต่อท่อตรงลงในแม่น้ำ และวิธีปล่อยใส่เรือเหล็กขนาดใหญ่ แล้วล่องไปตามลำแม่น้ำ แล้วสูบน้ำเข้า เพื่อดันน้ำเสียที่บรรทุกอยู่ให้ไหลออกจนหมด ซึ่งเหตุดังกล่าวเคยมีคณะตรวจสอบเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ร่วมลงมาตรวจสอบด้วย ซึ่งหลังจากนั้นปัญหากลิ่นเหม็นจากขบวนการผลิตจากโรงงานแห่งนี้ ก็ถูกแก้ไข้จนหมดปัญหาไป

ภาพประกอบข่าว : ไทยรัฐ
ที่มา: nakhonpathomnews


สุดยอด!!! วิธีการโกยแสตมป์ 7-11ในช่วงนี้

แล้วก็เข้าสู่ช่วงฤดูการสะสมแสตมป์ 7- 11 กันอีกแล้วนะครับ   ซึ่งคุณผู้หญิงหลายท่านก็คงไม่พลาดในการล่าแสตมป์ครั้งนี้กันแน่นอนใช้มั้ยครับ  และในวันนี้ผมมีสูตรเล็กน้อยๆมาฝากกันนะครับ (ใครไม่ได้สะสมอย่าว่าผมนะครับ…อิอิ)


จะโกยแสตมป์ได้ต้องใช้บัตรเซเว่นในการซื้อสินค้า

ค่าใช้จ่าย 50 บาท
– คุกกี้โอริโอ้ 2 ชิ้น 10 บาท ซื้อ 5 ชุด จะได้สแตมป์ 3 บาท x 5 ดวง = 15 บาทแสตมป์
– ใช้บัตรเซ่เว่นซื้อของ คุกกี้โอริโอ้ จะได้ สแตมป์ 1 บาท 5 ดวง = 5 บาทแสตมป์
– สุดท้ายซื้อครบ 50 บาท ได้ สแตมป์1 บาท อีก 1 ดวง
รวม ได้แสตมป์ 11 ดวง มูลค่า 21 บาท





ใครมีวิธีอะไรก็บอกกันบ้างนะครับ

ที่มา: nakhonpathomnews


ช่วยกันแชร์! ป้าวัยเกษียน โดนเก๋งพุ่งชนอย่างจัง ก่อนขับหนีลอยนวล (ชมคลิป)


ญาติร้อง! วอนทุกฝ่ายช่วยตามหาเก๋งชนแล้วหนี เหตุเกิดที่นครสวรรค์ ขณะเดียวกันตำรวจ สภ.ชุมแสง กำลังเร่งหาตัวผู้กระทำผิด เพื่อมารับโทษในเร็ววัน...

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 58 นายอดิเทพ แซ่เฮง ได้โพสต์วิดีโอคลิปร้องทุกข์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กไทยรัฐ โดยระบุว่า "ญาติของตน นางสาววิมล ทองนาค หรือ 'ป้าตุ้ม' วัยประมาณ 60 ปี ถูกรถเก๋งชนแล้วหนี บริเวณวัดทับกฤชกลาง จังหวัดนครสวรรค์ ขณะกำลังข้ามถนนเพื่อไปซื้อของบริเวณหน้าวัด ตั้งแต่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ชุมแสง ผ่านไปแล้วเกือบ 2 อาทิตย์ แต่คดียังไม่คืบหน้า สำหรับอาการของ 'ป้าตุ้ม' มีซี่โครงหัก 3 ซี่ ยังลุกไม่ได้ โดยเบื้องต้นยังไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมหรือไม่ พร้อมวอนให้ตำรวจช่วยเร่งติดตามคดี"


ล่าสุด ร.ต.ท.ราเชนทร์ ท้าวปิ่นแก้ว ร้อยเวรฯ สภ.ชุมแสง เปิดเผยกับสายตรวจโซเชียล โดยระบุว่าเบื้องต้นภาพจากกล้องวงจรปิดที่แชร์กันอยู่ตอนนี้ เป็นวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ของเทศบาลชุมแสงที่มีความชัดเจนที่สุดแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุทะเบียน รวมถึงยี่้ห้อรถได้ ขณะเดียวกันลุงที่มาโบกในช่วงท้ายคลิปก็ให้ปากคำว่า ไม่ทันสังเกตเลขทะเบียน แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเร่งหาตัวผู้กระทำผิด เพื่อมารับโทษในเร็ววัน


ขอความช่วยเหลือค่ะ ขับรถชนแล้วหนี เหตุเกิดที่ตำบลทับกฤชอำเภอชุมแสงจังหวัดนครสวรรค์เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า เขาชื่อว่าป้าตุ้มมีอาชีพรับจ้างหาเช้ากินค่ำ ได้ค่าแรงวันละไม่กี่ร้อยฐานะยากจนมากค่ะต้องดูแลคนพิการคือแม่ของเขาที่อายุมากแล้วและน้องชายที่เดินไม่ได้ต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วตอนนี้แกก็มาถูกรถชนแล้วหนี แจ้งความไว้กับสภ. ชุมแสงก็ไม่คืบหน้าเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ สงสารป้าแกจริงๆค่ะ ตอนนี้มีคนที่คอยช่วยเหลือป้าแกอยู่แต่ก็ยังไม่พอค่ะเพราะได้เพียงแค่เอาอาหารไปส่งให้ป้าตอนนี้ป้านอนเจ็บอยู่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ขอบคุณมากๆค่ะ ใคร ที่พอจะช่วยเหลือป้าแกได้หรือให้ข้อมูลได้ ช่วยเหลือแกหน่อยนะคะติดต่อ เบอร์ 089-439-7699 คุณปาน
Posted by Adithg Saeheng on Tuesday, July 28, 2015


ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
ภาพและคลิปจาก เฟสบุค Adithg Saeheng


สุดประทับใจ!!! หนุ่มน้อยพิการแข่งไตรกีฬา-ทิ้งเครื่องช่วยเดินเข้าเส้นชัยด้วยตัวเอง (ชมคลิป)


เดลี่ เมล์ สื่อของอังกฤษ ได้เผยคลิปสุดประทับใจ จากการแข่งขันไตรกีฬาคาสเซิลโฮวาร์ด ในนอร์ธยอร์กเชียร์ เมื่อ ไบเลย์ แมทธิวส์ หนุ่มน้อยวัย 8 ขวบ ซึ่งป่วยเป็นโรคสมองพิการ ซึ่งมีผลให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายอ่อนแรงจนไม่สามารถทรงตัวได้ เข้าร่วมแข่งขันด้วย


โดยรายการนี้ผู้เข้าแข่งขัน จะต้องแข่งกีฬา 3 ชนิด ประกอบไปด้วย ว่ายน้ำ 100 เมตร, จักรยาน 4 กิโลเมตร และ วิ่ง 1.3 กิโลเมตร ซึ่งหนุ่มน้อยแมทธิวส์ ก็ลงแข่งขันทั้งหมด ซึ่งก็มีคุณพ่อคอยวิ่งตามประกบอยู่ข้างๆ ปรากฏว่า การแข่งวิ่งช่วง 20 เมตร สุดท้าย แมทธิวส์ที่กำลังใช้เครื่องช่วยวิ่งอยู่นั้น จู่ๆ เจ้าตัวก็ปล่อยเครื่องช่วย แล้วพยายามวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะมีล้มบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้าเส้นชัยได้สำเร็จ ท่ามกลางกองเชียร์ ที่คอยส่งกำลังใจข้างสนามเป็นจำนวนมาก



ที่มา มติชนออนไลน์


ขนส่งฯ ปัด ปรับขึ้นค่าแท็กซี่ แจง แค่เพดานสูงสุด ยังไม่มีผลบังคับใช้


กรมการขนส่งทางบก แจง ไม่ได้ปรับขึ้นค่าแท็กซี่ เผย ประกาศกระทรวงฯ เป็นเพียงเพดานสูงสุดที่จะใช้กับรถแท็กซี่ในต่างจังหวัดเท่านั้น และยังไม่มีผลบังคับใช้ ยัน ไม่กระทบรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ

         จากกรณีที่มีกระทรวงคมนาคมได้ประกาศแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน (รถแท็กซี่) โดยมีการปรับเพิ่มอัตราค่าโดยสารร ระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก เป็นไม่เกิน 50 บาท กิโลเมตรต่อ ๆ ไป ไม่เกินกิโลเมตรละ 12 บาท ในกรณีรถติดนาทีละไม่เกิน 3 บาทนั้น


         เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2558  นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ออกมาชี้แจงว่า การปรับเพดานอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ดังกล่าวจะใช้กับรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนนอกเขตกรุงเทพมหานคร (ต่างจังหวัด) เท่านั้น ซึ่งปรับจากเดิม 2 กิโลเมตรแรกไม่เกิน 50 บาท เป็นไม่เกิน 100 บาท ส่วนกิโลเมตรต่อไป จากเดิมกิโลเมตรละ 12 บาท เป็นกิโลเมตรละ 20 บาท กรณีรถติด เคลื่อนที่ไม่ได้ จากเดิมนาทีละไม่เกิน 3 บาท เป็นไม่เกิน 5 บาท และหากใช้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือกลางคืนตามช่วงเวลาที่กระทรวงคมนาคมกำหนด ให้คิดค่าจ้างเพิ่มได้ไม่เกิน 100 บาท เพื่อแก้ปัญหาไม่มีรถแท็กซี่มาให้บริการ ส่วนกรณีใช้บริการแท็กซี่จากท่าอากาศยานนั้น จากเดิมไม่เกิน 100 บาท ก็จะปรับเพิ่มเป็นสูงสุดไม่เกิน 150 บาท

         อย่างไรก็ตาม เพดานอัตราค่าโดยสารทั้งหมดยังไม่ใช่อัตราที่จะใช้จัดเก็บจริง โดยอัตราที่จะจัดเก็บจริงนั้น รมว.คมนาคม จะพิจารณากำหนดไม่เกินจากเพดานที่กฎกระทรวงบัญญัติตามสภาพความเหมาะสมในแต่ละจังหวัด จากนั้นจะออกประกาศกระทรวงคมนาคม และลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้จริงต่อไป

         ส่วนกรณีรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ นั้น นายจิรุตม์ ยืนยันว่ายังคงใช้เพดานอัตราค่าโดยสารเดิม คือสูงสุดไม่เกิน 50 บาท ซึ่งรวมถึงการเรียกรถแท็กซี่ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมต่าง ๆ ซึ่งเพดานอันตราสูงสุดนี้ไม่ใช่อัตราที่จะใช้จัดเก็บจริง ยังคงต้องรอประกาศจากกระทรวงฯ เช่นกัน

          สำหรับประกาศกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 และประกาศกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน ที่จดทะเบียนในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2558 ซึ่งประกาศเมื่อ 17 กรกฎาคม 2558 มีเนื้อหาสำคัญเหมือนกัน ดังนี้

          สรุปเนื้อหาสำคัญของทั้ง 2 ฉบับที่เหมือนกันคือ

          1. รถมีอายุการใช้งานได้ไม่เกิน 9 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก และต้องยื่นระงับทะเบียน หรือเปลี่ยนประเภทรถภายใน 30 วัน นับจากวันที่ครบอายุการใช้งาน

          2. ให้รัฐมนตรีมีอํานาจกําหนดอัตราค่าโดยสาร และค่าบริการอื่น ๆ



          สำหรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ตามประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับใหม่ มีดังนี้

รถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร

          อัตราค่าโดยสารระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก ไม่เกิน 50 บาท กิโลเมตรต่อ ๆ ไป ไม่เกินกิโลเมตรละ 12 บาท ในกรณีรถติดนาทีละไม่เกิน 3 บาท

          การเรียกแท็กซี่ผ่านศูนย์บริการสื่อสาร หรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ กําหนดได้ไม่เกิน 50 บาท

          กรณีจ้างจากท่าอากาศยาน หรือสถานที่ที่กระทรวงคมนาคมกําหนด กําหนดได้ไม่เกิน 100 บาท

          ต้องไม่ติดตั้งระบบป้องกันการเปิดประตูรถจากภายในและกระจกกันลมทุกด้านต้องเป็นกระจกโปร่งใส ห้ามมิให้นําวัสดุอื่นใดมาติดหรือบังส่วนหนึ่งส่วนใดของกระจก



รถแท็กซี่ในต่างจังหวัด

            แท็กซี่บุคคลธรรมดา ให้ใช้สีแดงและสีเหลือง ส่วนรถยนต์รับจ้างของนิติบุคคล ให้ใช้สีน้ำเงินและสีเหลือง

          ในกรณีที่ผู้ขับรถยนต์รับจ้างไม่ประสงค์จะทําการรับจ้าง ให้แสดงเครื่องหมาย "งดรับจ้าง" ไว้ที่หน้ารถด้านซ้ายของผู้ขับรถ โดยให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

          รถยนต์รับจ้างตามกฎกระทรวงนี้ ให้มีอายุการใช้งานได้ไม่เกิน 9 ปีนับแต่วันที่รถยนต์นั้นจดทะเบียนครั้งแรก

          ค่าโดยสารระยะทาง 2 กิโลเมตรแรกไม่เกิน 100 บาท และกิโลเมตรต่อ ๆ ไป ไม่เกินกิโลเมตรละ 20 บาท รถติดนาทีละไม่เกิน 5 บาท

          กรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสาร หรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ กําหนดได้ไม่เกิน 50 บาท

          กรณีการจ้างจากท่าอากาศยาน หรือสถานที่ที่กระทรวงคมนาคมประกาศ กําหนดได้ไม่เกิน 150 บาท

           กรณีการจ้างในเวลากลางคืนตามที่กระทรวงคมนาคมประกาศ กําหนดได้ไม่เกิน 100 บาท

ภาพจาก mratchakitcha.soc.go.th  ,  ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
ที่มา: Kapook


ขอนแก่น 4นักโทษชายคดียาเสพติดแหกศาลโดดลงน้ำดับ1 (ชมคลิป)


4นักโทษชายคดียาเสพติดแหกศาลจังหวัดพล ขโมยรถ จักรยานยนต์ชาวบ้านหลบหนี ก่อนทิ้งรถกระโดดลงบึง ล่าสุดจับกุมได้ 3 ราย ส่วนอีกรายจมน้ำเสียชีวิต

เมื่อเวลา16.30น. ของวันที่ 29ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุ 4 นักโทษชาย คดียาเสพติดแหกศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปขโมยเอารถจักรยานยนต์ชาวบ้านขับหนีไปได้ 3 คน แล้วทิ้งรถกระโดดลงบึงละเลิงหวาย อ.พล จ.ขอนแก่น ส่วนอีกคนถูกจับเนื่องจากไม่สามารถซ้อนท้ายไปกับเพื่อนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมค้นหาตั้งแต่เย็นวันที่ 29 ก.ค.58 ที่ผ่านมา


เช้าวันต่อมา 30 ก.ค.58 เจ้าหน้าที่ขอกำลังสนับสนุนจาก ตชด. ภาค2 ขอนแก่น นำ ฮ.ขึ้นบินเหนือบึงละเลิงหวายเพื่อค้นหา พร้อมกับโปรยใบปลิวตามจับนักโทษทั้ง 3 ราย กระทั้งมีพลเมืองดีแจ้งตำรวจว่า พบชายต้องสงสัยเหมือนในใบปลิว 2 ราย อยู่ในเขตพื้นที่ อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวลาย ติดตามจับกุมได้ที่ ป่าช้าหนองผือ อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา 2 ราย จึงได้นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.พล ทราบว่า ทั้ง 3 คน ได้ทิ้งรถ จยย.แล้วกระโดดลงบึงละเลิงหวาย ว่ายน้ำเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม แต่นักโทษอีกคนที่มาด้วยกัน ร้องขอความช่วยเหลือลักษณะเหมือนเป็นตะคิวกำลังจะจมน้ำ ซึ่งตอนแรกจะเข้าไปช่วยแต่คิดว่าถ้าไปช่วยคงถูกจับหมด จึงพากันว่ายข้ามออกมาได้เพียง 2 คน ก่อนจะเดินเท้าไปทางป่าช้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา กระทั่งถูกตำรวจจับกุมดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นักโทษทั้ง 2 ราย ไปชี้ยังจุดที่บอกว่านักโทษอีกรายจมน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าจึงได้ทำการค้นหากระทั่งเวลาประมาณ 17.00น. ได้พบศพของนักโทษอีกรายที่จมน้ำเสียชีวิต บริเวณกลางบึงละเลิงหวาย อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมกับนำศพส่งโรงพยาบาลพล เพื่อชันสูตรพลิกศพ พร้อมกับส่งต่อให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา

ภายหลังถูกจับกุมและสอบสวนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันหลบหนีที่คุมขัง ที่อยู่ในอำนาจของศาลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จากนั้นจะนำส่งฟ้องศาลในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2558 ที่จะถึงนี้ทันที


ขอนแก่น 4นักโทษชายคดียาเสพติดแหกศาลโดดลงน้ำดับ14นักโทษชายคดียาเสพติดแหกศาลจังหวัดพล ขโมยรถ จักรยานยนต์ชาวบ้านหลบหนี ก่อนทิ้งรถกระโดดลงบึง ล่าสุดจับกุมได้ 3 ราย ส่วนอีกรายจมน้ำเสียชีวิตเมื่อเวลา16.30น. ของวันที่ 29ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุ 4 นักโทษชาย คดียาเสพติดแหกศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปขโมยเอารถจักรยานยนต์ชาวบ้านขับหนีไปได้ 3 คน แล้วทิ้งรถกระโดดลงบึงละเลิงหวาย อ.พล จ.ขอนแก่น ส่วนอีกคนถูกจับเนื่องจากไม่สามารถซ้อนท้ายไปกับเพื่อนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมค้นหาตั้งแต่เย็นวันที่ 29 ก.ค.58 ที่ผ่านมาเช้าวันต่อมา 30 ก.ค.58 เจ้าหน้าที่ขอกำลังสนับสนุนจาก ตชด. ภาค2 ขอนแก่น นำ ฮ.ขึ้นบินเหนือบึงละเลิงหวายเพื่อค้นหา พร้อมกับโปรยใบปลิวตามจับนักโทษทั้ง 3 ราย กระทั้งมีพลเมืองดีแจ้งตำรวจว่า พบชายต้องสงสัยเหมือนในใบปลิว 2 ราย อยู่ในเขตพื้นที่ อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวลาย ติดตามจับกุมได้ที่ ป่าช้าหนองผือ อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา 2 ราย จึงได้นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.พล ทราบว่า ทั้ง 3 คน ได้ทิ้งรถ จยย.แล้วกระโดดลงบึงละเลิงหวาย ว่ายน้ำเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม แต่นักโทษอีกคนที่มาด้วยกัน ร้องขอความช่วยเหลือลักษณะเหมือนเป็นตะคิวกำลังจะจมน้ำ ซึ่งตอนแรกจะเข้าไปช่วยแต่คิดว่าถ้าไปช่วยคงถูกจับหมด จึงพากันว่ายข้ามออกมาได้เพียง 2 คน ก่อนจะเดินเท้าไปทางป่าช้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา กระทั่งถูกตำรวจจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นักโทษทั้ง 2 ราย ไปชี้ยังจุดที่บอกว่านักโทษอีกรายจมน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าจึงได้ทำการค้นหากระทั่งเวลาประมาณ 17.00น. ได้พบศพของนักโทษอีกรายที่จมน้ำเสียชีวิต บริเวณกลางบึงละเลิงหวาย อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมกับนำศพส่งโรงพยาบาลพล เพื่อชันสูตรพลิกศพ พร้อมกับส่งต่อให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา ภายหลังถูกจับกุมและสอบสวนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันหลบหนีที่คุมขัง ที่อยู่ในอำนาจของศาลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จากนั้นจะนำส่งฟ้องศาลในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2558 ที่จะถึงนี้ทันที/////
Posted by ทีมข่าวภูมิภาคจ.ขอนแก่น on Thursday, July 30, 2015


ขอขอบคุณข่าวและคลิปจาก  ทีมข่าวภูมิภาคจ.ขอนแก่น


เมียนมาจับยาบ้าล็อตมโหฬาร 26 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท


เมียนมาจับยาบ้าชุดใหญ่ 26 ล้านเม็ด มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท หลังจากพบเก็บไว้ในรถที่จอดริมถนนรวม 89 กระสอบ

             เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมา สามารถจับกุมยาเสพติดขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศได้ โดยมีจำนวนทั้งหมด 26 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


             ขณะที่ นายมยินต์ อ่อง เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด ประเทศเมียนมา เปิดเผยว่า การพบยาบ้าดังกล่าว เก็บไว้ในกระสอบรวม 89 กระสอบ โดยกระสอบถูกซ่อนในรถบรรทุกที่จอดไว้ริมถนน บริเวณชานเมืองย่างกุ้งฝั่งทิศเหนือ ซึ่งทางตำรวจจะเร่งสืบสวนเพื่อตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

             ทั้งนี้ ราคายาบ้าในท้องตลาดของเมียนมา อยู่ที่เม็ดละ 5,000 จ๊าด (140 บาท) รวมทั้งหมด 26 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท อีกทั้งตามสถิติพบว่า เมียนมาเป็นประเทศที่ผลิตฝิ่นและเฮโรอีนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นฐานกำลังการผลิตยาบ้าที่สำคัญของโลกด้วย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก MOI Webportal Myanmar
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์
ที่มา: Kapook


ขอนแก่น จับเพิ่ม 2 ผู้ต้องขังหนีศาล


ขอนแก่น จับเพิ่ม 2 ผู้ต้องขังหนีศาล ขณะหนีเข้าเขต อ.บัวลาย รวมเป็นจับได้ 3 คน อีกคนคาดจมน้ำตาย


จากกรณีผู้ต้องขังชายคดียาเสพติด 4 คน ได้วิ่งหลบหนีขณะนำตัวมาทำการผลัดฟ้องฝากขังที่ศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น เมื่อเย็นวานนี้ โดย 1 ใน 3 ผู้ต้องหา จนท.สามารถจับกุมตัวได้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เนื่องจากกระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์ไม่ทัน เพราะซ้อนท้ายกันถึง 4 คน โดยผู้ต้องขังทั้ง 3 คน ได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันเดียวกันที่ชิงมาได้จากเด็กนักเรียนขับไปจอดที่ริมบึงละเลิงหวาย อ.พล แล้วได้ทิ้งรถและกระโดดลงน้ำ หลบหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จนท.ต้องระดมกำลังออกค้นหากันทั้งคืนแต่ไม่พบตัว โดยตลอดทั้งวันของวันนี้ ล่าสุดทาง จนท.ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นว่า พบผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับภาพของคนร้ายในใบปลิวที่ จนท.โปรยลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ได้ไปขอข้าวจากชาวบ้านกิน ที่บริเวณทุ่งนาบ้านหนองผือคึมมะอึ ต.หนองหวาย อ.หนองบัวลาย ในเขตจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.พล จ.ขอนแก่น ประมาณ 20 กม. ตำรวจ สภ.พล จึงประสานขอรับการสนับสนุนกำลังตำรวจจาก สภ.บัวลาย จ.นครราชสีมา มาช่วยทำการค้นหา และสามารถทำการจับกุมตัวผู้ต้องขังที่หลบหนีได้จำนวน 2 คน ส่วนคนร้ายที่เหลืออีก 1 คน คาดว่าน่าจะจมน้ำตายขณะกระโดดลงน้ำบึงละเลิงหวาย เพื่อหลบหนีการจับกุมของ จนท.ตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้แล้ว

ที่มา: Sanook


ฆาตกรโหด ฆ่าแม่-ลูกลูกครึ่งฝรั่ง คาบ้าน ทั้งรัดคอ โยนจากที่สูง


ฆาตกรโหด ฆ่าแม่-ลูกลูกครึ่งฝรั่ง คาบ้าน ทั้งรัดคอ โยนจากที่สูง คาด เป็นฝีมือคนรักที่อยู่กินด้วยช่วงสามีฝรั่งไม่อยู่

          เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 171 บ้านซับสมบูรณ์ ต.หนองหว้า มีการฆ่ากันตายขึ้น ซึ่งในที่เกิดเหตุเป็นบ้านหรู 3 ชั้น พบศพนางบุญมี อ๊อกนัม วัย 51 ปี นอนคว่ำหน้าเลือดไหลออกจมูกและปาก อีกทั้งร่างกายมีร่องรอยการถูกทำร้ายหลายแห่ง ลำคอถูกรัดด้วยเชือกยาวประมาณ 1 เมตร ขณะที่ที่จอดรถด้านข้างตัวบ้านพบศพ ด.ช.เจ๊ทแจ๊คสัน มาน้อย อ๊อกนัม บุตรชายผู้ตายวัย 10 ขวบ สภาพหน้าอกยุบ เลือดท่วมร่าง แถมมีร่องรอยเลือดลากยาว 20 เมตร ตรงกับระเบียงหน้าต่างห้องชั้น 3


          อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์นี้ มีผู้รอดชีวิตคือ ด.ช.บรุ๊บ มาน้อย อ๊อกนัม บุตรชายแฝดของผู้ตาย ซึ่งหนีออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือได้ โดย ด.ช.บรุ๊บ ให้การว่า คนร้ายคือนายสมชาย ทับเนตร วัย 44 ปี ซึ่งใช้เชือกรัดคอแม่จนเสียชีวิต ก่อนที่จะโยนร่าง ด.ช.เจ๊ทแจ๊คสันจากชั้น 3 ลงชั้นล่าง ซึ่งเด็กยังไม่เสียชีวิตทันที พยายยามคลานหนีไปถึงหน้าบ้าน คนร้ายจึงเข้าไปทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะที่ตัวเองวิ่งหนีไปทางประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้ จึงรอดชีวิตมาได้


          ด้าน นางอรพพิน มาน้อย พี่สายผู้ตาย เปิดเผยว่า นายสมชายเป็นคนที่อยู่กินกับผู้ตายหลายปี แต่ไม่มีลูก ก่อนที่ผู้ตายจะไปแต่งงานกับนักธุรกิจชาวออสเตรเลียเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน อย่างไรก็ตามสามีต่างชาติก็รับรู้ว่า ผู้ตายยังอยู่กินกับนายสมชายอยู่ ต่อมาทั้งคู่ได้ซื้อบ้านหลังนี้อาศัย อยู่มาประมาณ 2 ปี และนายสมชายก็อยู่บ้านหลังนี้ด้วยในช่วงที่สามีชาวต่างชาติไม่อยู่ ซึ่งสามีชาวต่างชาติจะมาประเทศไทย 2 เดือนครั้ง ทว่าปัญหาเริ่มเกิดเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ผู้ตายได้ไล่นายสมชายออกนอกบ้าน เพราะจับได้ว่านายสมชายไปติดพันสาวอื่นในหมู่บ้านเดียวกัน

          ส่วนก่อนเกิดเหตุ คาดว่านายสมชายน่าจะมาที่บ้านเพื่อเคลียร์ปัญหากับผู้ตาย แต่ตกลงไม่ได้ จึงทำร้ายนางบุญมีจนเสียชีวิต ส่วนลูกชายน่าจะถูกฆ่าเพื่อปิดปาก

          ล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับนายสมชายเรียบร้อยแล้ว


ภาพจาก เฟซบุ๊ก หน่วยกู้ภัยสว่างสระแก้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์
ที่มา: Kapook


อนาถใจ พ่อยัดลูกน้อยแรกเกิดใส่กระเป๋า หิ้วมาขายเหมือนกับสินค้า


รวบพ่อจีน ยัดลูกสาวแรกเกิดใส่กระเป๋าเดินทาง หิ้วมาขายต่อเหมือนกับเป็นสินค้า อ้างแม่เด็กป่วยจิต ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้

           วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์  มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมชายวัยกลางคน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองอวี้โจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน หลังนำลูกสาววัยแรกเกิดใส่ในกระเป๋าเดินทาง เพื่อขายต่อแก่หญิงอีกรายหนึ่ง


           รายงานเปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ชายแซ่ติง ได้นำลูกสาวที่เพิ่งคลอดได้ 3 วัน ใส่กระเป๋าเดินทางและหิ้วมาเพื่อขายแก่หญิงแซ่เจ้า แต่แล้วพนักงานโรงแรมก็ได้ยินเสียงเหมือนเด็กร้องออกมาจากกระเป๋า จึงได้หยุดทั้งคู่ไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้เปิดกระเป๋าดู ก็พบทารกน้อยนอนอยู่ในนั้น โดยที่เด็กไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างไร

           ทั้งนี้ชายแซ่ติงพยายามอธิบายว่า สาเหตุที่เขาขายลูกนั้น เป็นเพราะภรรยาของเขามีอาการป่วยทางจิต เขาจึงเกรงว่าเธอจะเลี้ยงลูกไม่ได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมพ่อรายนี้และลูกค้าหญิงของเขาได้แล้ว แต่บทลงโทษจะต้องรอการพิจารณาคดีต่อไป

ภาพจาก shanghaiist.com
ที่มา: Kapook


ขอนแก่นเก๋งซิ่งชนท้าย 10ล้อ หวิดโดนย่างสด (ชมคลิป)


เกิดเหตุรถเก๋งขับซิ่งวิ่งด้วยความเร็วสูง หักหลบรถคันหน้าพุ่งชนท้ายรถ 10 ล้อบรรทุกท่อมาเต็มคันรถจนไฟลุกท่วม เสียหายทั้งคัน โชคดีผู้เห็นเหตุการณ์ ช่วยนำคนขับและผู้โดยสารออกมาทันก่อนถูกย่างสด

เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถเก๋ง โตโยต้า พรีอู๊ซ สีบรอน หมายเลขทะเบียน กข 8750 หนองบัวลำภู พุ่งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 84-0127 สระบุรี ที่บรรทุกท่อปูนซิเมนต์มาเต็มคันรถ และเกิดไฟลุกท่วมบริเวณหัวเก๋ง และห้องโดยสารทั้งหมด ที่บริเวณด้านหน้าบริษัท เคแพค คอนกรีต จำกัด ถนนมิตรภาพสายขอนแก่น – นครราชสีมา บ้านสำราญ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทราบชื่อคนขับรถเก๋งคือนายอัครเดช แข็งข้อ อายุ 56 ปี และมีเพื่อนนั่งมาด้วย 1 คนคือนายประดิษฐ์ เพื่อช่อ อายุ 63ปี ทั้งสองเป็นชาวจังหวัดหนองคาย ซึ่งทั้งคู่ยังเคราะห์ดี มีพลเมืองดีช่วยกันดึงร่างออกจากรถเก๋งได้ทันก่อนที่ไฟจะลุกท่วม และถูกนำส่ง รพ.ขอนแก่น ขณะนี้ทั้งคู่อาการปลอดภัยแล้ว


จากการสอบถามนายจักรวุฒิ ทับอุดม อายุ 48 ปี โชเฟอร์ขับรถบรรทุก 10 ล้อ ซึ่งเป็นคู่กรณีให้การว่า ตนได้ขับรถบรรทุกท่อปูนซิเมนต์คันดังกล่าว เพื่อไปส่งในตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งตนได้มองดูที่กระจกหลังรถก็เห็นรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูง โดยรถเก๋งคันดังกล่าวกำลังจะแซงออกขวารถที่อยู่ด้านหน้า แต่มีรถที่ตามหลังรถเก๋งมาได้แซงขึ้นไปก่อน รถเก๋งคันดังกล่าวจึงหักหลบออกทางซ้ายมือ แต่ด้วยความเร็ว จึงทำให้เบรกไม่อยู่และชนท้ายรถ 10 ล้อตนเองอย่างแรง จนหัวเก๋งมุดเข้าใต้ท้องรถ 10 ล้อของตนไปครึ่งคัน ตนจึงหยุดรถแล้วเรียกคนงานที่อยู่ในบริษัทมาช่วยกันกันงัดร่างผู้ที่อยู่ในรถเก๋งทั้ง 2 คนออกมาอย่างปลอดภัย จากนั้นก็เกิดไฟลุกท่วมหัวเก๋งรถ และลามเข้าไปถึงภายในห้องโดยสารของรถเก๋งเสียหายกว่าครึ่งคัน โดยมี จนท.หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงมาช่วยฉีดน้ำดับเพลิงได้ทันก่อนที่ไฟจะลุกไหม้รถเก๋งทั้งคัน

ทางด้าน ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ ทาสุ ร้อยเวรที่เกิดเหตุบอกว่าช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงที่ประชาชนเลิกงานและเดินทางกลับบ้านพอดี ทำให้การจราจรหนาแน่น ประกอบกับรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถเบรกรถได้ทัน ทำให้พุ่งชนท้ายรถ 10 ล้อที่กำลังเลี้ยวออกมาจากโรงงานพอดี โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ส่วนในเรื่องของคดี ก็จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย


ขอนแก่น เก๋งซิ่งชนท้าย10ล้อหวิดโดนย่างสดเกิดเหตุรถเก๋งขับซิ่งวิ่งด้วยความเร็วสูง หักหลบรถคันหน้าพุ่งชนท้ายรถ 10 ล้อบรรทุกท่อมาเต็มคันรถจนไฟลุกท่วม เสียหายทั้งคัน โชคดีผู้เห็นเหตุการณ์ ช่วยนำคนขับและผู้โดยสารออกมาทันก่อนถูกย่างสดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถเก๋ง โตโยต้า พรีอู๊ซ สีบรอน หมายเลขทะเบียน กข 8750 หนองบัวลำภู พุ่งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 84-0127 สระบุรี ที่บรรทุกท่อปูนซิเมนต์มาเต็มคันรถ และเกิดไฟลุกท่วมบริเวณหัวเก๋ง และห้องโดยสารทั้งหมด ที่บริเวณด้านหน้าบริษัท เคแพค คอนกรีต จำกัด ถนนมิตรภาพสายขอนแก่น – นครราชสีมา บ้านสำราญ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทราบชื่อคนขับรถเก๋งคือนายอัครเดช แข็งข้อ อายุ 56 ปี และมีเพื่อนนั่งมาด้วย 1 คนคือนายประดิษฐ์ เพื่อช่อ อายุ 63ปี ทั้งสองเป็นชาวจังหวัดหนองคาย ซึ่งทั้งคู่ยังเคราะห์ดี มีพลเมืองดีช่วยกันดึงร่างออกจากรถเก๋งได้ทันก่อนที่ไฟจะลุกท่วม และถูกนำส่ง รพ.ขอนแก่น ขณะนี้ทั้งคู่อาการปลอดภัยแล้วจากการสอบถามนายจักรวุฒิ ทับอุดม อายุ 48 ปี โชเฟอร์ขับรถบรรทุก 10 ล้อ ซึ่งเป็นคู่กรณีให้การว่า ตนได้ขับรถบรรทุกท่อปูนซิเมนต์คันดังกล่าว เพื่อไปส่งในตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งตนได้มองดูที่กระจกหลังรถก็เห็นรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูง โดยรถเก๋งคันดังกล่าวกำลังจะแซงออกขวารถที่อยู่ด้านหน้า แต่มีรถที่ตามหลังรถเก๋งมาได้แซงขึ้นไปก่อน รถเก๋งคันดังกล่าวจึงหักหลบออกทางซ้ายมือ แต่ด้วยความเร็ว จึงทำให้เบรกไม่อยู่และชนท้ายรถ 10 ล้อตนเองอย่างแรง จนหัวเก๋งมุดเข้าใต้ท้องรถ 10 ล้อของตนไปครึ่งคัน ตนจึงหยุดรถแล้วเรียกคนงานที่อยู่ในบริษัทมาช่วยกันกันงัดร่างผู้ที่อยู่ในรถเก๋งทั้ง 2 คนออกมาอย่างปลอดภัย จากนั้นก็เกิดไฟลุกท่วมหัวเก๋งรถ และลามเข้าไปถึงภายในห้องโดยสารของรถเก๋งเสียหายกว่าครึ่งคัน โดยมี จนท.หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงมาช่วยฉีดน้ำดับเพลิงได้ทันก่อนที่ไฟจะลุกไหม้รถเก๋งทั้งคันทางด้าน ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ ทาสุ ร้อยเวรที่เกิดเหตุบอกว่าช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงที่ประชาชนเลิกงานและเดินทางกลับบ้านพอดี ทำให้การจราจรหนาแน่น ประกอบกับรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถเบรกรถได้ทัน ทำให้พุ่งชนท้ายรถ 10 ล้อที่กำลังเลี้ยวออกมาจากโรงงานพอดี โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ส่วนในเรื่องของคดี ก็จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย/////////
Posted by ทีมข่าวภูมิภาคจ.ขอนแก่น on Wednesday, July 29, 2015


ขอขอบคุณข่าวและคลิปจาก ทีมข่าวภูมิภาคจ.ขอนแก่น


ไม่สนอดีต ! พลอย พลอยพรรณ ลั่นชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป


พลอย พลอยพรรณ เผย ปีเตอร์ คอร์ป ยังไม่ติดต่อกลับมา ลั่นไม่สนเรื่องอดีต ชีวิตต้องเดินต่อ ไม่รู้ โบว์ บุรีรัมย์ ออกสื่อ บอกทำอะไรผิด ก็ถูกแล้วที่ออกมายอมรับผิด

          กระแสข่าวเรื่องความรักสุดดราม่าของครอบครัวพระเอกหนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป ไรเดนรัล และภรรยาสาว พลอย พลอยพรรณ เริ่มจะซา ๆ ลงไปบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่จบลงง่าย ๆ ล่าสุด (29 กรกฎาคม 2558) พลอย พลอยพรรณ ได้ออกมาเผยว่า แจง ปีเตอร์ ยังไม่ติดต่อกลับมา เผยฝ่ายชายยังติดงาน ด้านตนไม่สนใจเรื่องอดีตแล้ว บอกชีวิตต้องก้าวต่อไป ตอนนี้ขอเลี้ยงลูก แพลนเตรียมตัวกลับไปเป็นแอร์เหมือนเดิม



          ส่วนกรณีที่ โบว์ บุรีรัมย์ พริตตี้สาวที่มีข่าวกุ๊กกิ๊กกับปีเตอร์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านสื่อนั้น พลอย เผยว่า ตัวเธอเองไม่รู้ว่าอีกฝ่ายออกมาพูด บอกทำอะไรผิด ก็ถูกแล้วที่ออกมายอมรับผิด พร้อมทิ้งท้ายว่าต่อไปนี้จะไม่ขอพูดถึงปัญหาครอบครัวอีกแล้ว



ภาพจาก Instagram purploy
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก tvpoolonline

ใจสลาย.. พ่อนอนหลับสนิทเผลอเอามือทับหน้าลูกวัย 1 เดือนเศษ ดับ


อุทาหรณ์เตือนใจ พ่อนอนหลับไม่รู้สึกตัว เผลอเอามือทับหน้าลูกสาววัย 1 เดือนเศษ นอนแน่นิ่ง-เลือดไหลออกจมูก เสียชีวิต แพทย์เผย สมองขาดออกซิเจนรุนแรง

         วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 เวลา 12.00 น. พ.ต.ต. โสภณ คงทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ เข้าตรวจสอบภายในโรงพยาบาลกระบี่ หลังได้รับแจ้งว่ามีเด็กทารกเพศหญิง อายุ 1 เดือน 7 วัน มารักษาตัวที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ท่ามกลางความโศกเศร้าของบิดาและมารดา


         จากการสอบปากคำ นางสมใจ (นามสมมติ) มารดาของเด็กที่เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนกับลูกสาวและสามีนอนอยู่ในบ้านกันตามปกติ แต่ลูกสาวร้องไห้จึงอุ้มจากเปลมานอนข้าง ๆ สามี พอรุ่งเช้าตนจะลุกขึ้นไปทำงานกลับเห็นลูกสาวนอนแน่นิ่งและมีเลือดไหลออกทางจมูก ตนรู้สึกตกใจมากจึงปลุกสามีและนำตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาลตลาดเก่าแต่พบว่าไม่มีอาการตอบสนอง จึงพามายังโรงพยาบาลกระบี่ แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา


         ขณะที่ นายสมชาย (นามสมมติ) บิดาของเด็กที่เสียชีวิต ให้การว่า ตนนอนหลับสนิททั้งคืน มารู้ตัวอีกตอนภรรยาปลุกจึงได้รู้ว่าแขนของตนเองทับลูก จึงรีบนำตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นว่า เด็กเสียชีวิตเนื่องจากสมองขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง ทำให้ระบบการหายใจล้มเหลวและไม่มีบาดแผลตามร่างกาย


         อย่างไรก็ตาม พ.ต.ต. โสภณ กล่าวว่า สาเหตุที่เด็กขาดอากาศหายใจ น่าจะมาจากการที่พ่อเด็กนอนเอามือไปทับจมูกและปากของเด็กเป็นเวลานาน ซึ่งจะมีการชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง

ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
ที่มา: Kapook


บัวขาว ถึงไทยแล้ว ลั่น ธันวานี้เตรียมล้างตานักชกรัสเซียอีกรอบ


บัวขาว ถึงไทยแล้ว ลั่น ธันวานี้เตรียมล้างตานักชกรัสเซียอีกรอบ จะเอาคืนหลายเท่าตัว

         เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัวขาว บัญชาเมฆ นักชกชื่อดังของไทย เดินทางกลับจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน ถึงประเทศไทยแล้ว หลังจากที่เพิ่งแพ้คายาล ดิซานิเยฟ นักชกจากรัสเซีย


         ทั้งนี้ บัวขาวเปิดเผยว่า ไฟต์ที่ผ่านมาเป็นการชกที่บอบช้ำที่สุดในอาชีพ และจะมีการชกล้างตาในศึกคุนหลุน ประเทศจีน เดือนธันวาคมนี้ ซึ่งตนจะชกเต็มที่ เพื่อเอาคืนนักชกรัสเซียหลายเท่าตัวให้ได้




ภาพจาก เฟซบุ๊ก Banchamek Gym
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก TNews
ที่มา: Kapook


สลดใจ เด็กชายถูกซ้อมเลือดซิบ แค่เข้าไปเร่ขายทิชชูในร้านอาหาร


ภาพชวนสลดใจ เด็กชายผู้ลี้ภัยชาวซีเรียถูกเจ้าของร้านอาหารในตุรกีทุบตี โมโหมาเร่ขายทิชชูบังหน้าร้าน จุดกระแสเห็นอกเห็นใจชะตากรรมผู้ลี้ภัยซีเรียในตุรกี

          วันที่ 27 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล  เผยภาพชวนหดหู่ใจ กับเหตุการณ์เด็กชายผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ที่ยังชีพด้วยการเร่ขายกระดาษทิชชู ถูกเจ้าของร้านอาหารชาวตุรกีทุบตี เพราะโมโหที่มาเร่ของหน้าร้าน รบกวนแขก


          รายงานอ้างตามหนังสือพิมพ์ Hurriyet Daily ระบุว่า เด็กชายคนดังกล่าวชื่อ อาเหม็ด แฮมโด อาเบย์ด มาเร่ขายกระดาษทิชชูอยู่หน้าร้านอาหารแห่งนี้ และพอกำลังจะขายทิชชูห่อหนึ่งให้กับผู้หญิงที่ขอซื้อ ก็โดนเจ้าของร้านดึงตัวออกมา บอกด้วยความไม่พอใจว่าห้ามมาขายของหน้าร้าน รบกวนลูกค้า พอเด็กชายปฏิเสธ ก็ถูกตบหน้าและทำร้ายทุบตี ขณะที่ลูกค้าคนอื่น ๆ และคนที่ผ่านไปมาพยายามเข้าห้ามเหตุการณ์


          "เขาเหยียบมผมด้วย พอคนซีเรียที่อยู่อีกฝั่งของถนนเอาน้ำมาราดใส่ ผมถึงฟื้นขึ้นมา" เด็กชายอาเหม็ด เผยกับหนังสือพิมพ์

          เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณจัตุรัสบาสเมน ในเมืองอิซเมอร์ เมืองใหญ่อันดับสามของตุรกี ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีเสรีภาพสูงแห่งหนึ่งของประเทศ

          หลังภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียลของตุรกี ก็มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งสงสารและเห็นอกเห็นใจเด็กชายรายนี้ รวมไปถึงผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอื่น ๆ ที่อยู่ในตุรกีด้วย บางความคิดเห็นระบุว่า "เขาก็แค่ขายทิชชูเอง หยุดทำร้ายเด็กได้แล้ว ทำอย่างนี้น่ารังเกียจมาก"


          จากภาพความรุนแรงดังกล่าว ถึงกับทำให้นายอาห์เมต ดาวูโตลู นายกรัฐมนตรีตุรกี มีคำสั่งให้ตามหาตัวเด็กชายอาเหม็ด เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือดูแลเขาต่อไป

          ทั้งนี้ มีชาวซีเรียกว่า 1.7 ล้านคนลี้ภัยสงครามกลางเมืองในบ้านเกิด เข้ามาอยู่ในตรุกี โดยส่วนใหญ่พักพิงอยู่ตามค่ายผู้ลี้ภัยทางตอนใต้ของประเทศ แต่บางส่วนก็เข้ามาในเมืองใหญ่ ทำมาหากินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อยังชีพ

ภาพจาก mavikadarseker
ที่มา: Kapook


เพลิงไหม้บ้านที่ขอนแก่นวอด 3 หลัง โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ (ชมคลิป)


เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนต.แดงใหญ่ โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายในบ้านหลังต้นเพลิง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมได้ แต่เพลิงผลาญไป 3 หลังคาเรือน มูลค่าเสียหายกว่า 2 ล้านบาท คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร


       วันนี้ (29 ก.ค.)เกิดไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ข้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถดับเพลิงในพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน เข้ามาฉีดน้ำควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบบ้านต้นเพลิง คือ บ้านเลขที่ 3 หมู่ 1 บ้านแดงใหญ่ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอาศัยภายในบ้านหลังดังกล่าว

     
       นายสุดใจ ศรศักดิ์ดา ชาวบ้านแดงใหญ่ อยู่ใกล้กับบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังอยู่ในบ้าน ได้เห็นกลุ่มควันพุ่งออกมาจากบ้านเลขที่ 3 ซึ่งเป็นของนางเฉลิม นาแพง อายุ 63 ปี จากนั้นเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งไปยังดับเพลิง พร้อมทั้งรีบขนของมีค่าออกมาจากบ้านของตนเอง แต่สุดท้ายก็ถูกเพลิงไหม้ลามลุกไหม้มาติดบ้านตนเองเสียหายทั้งหลังเช่นกัน
 
   
       ทั้งนี้ เพลิงได้ลุกไหม้บ้านทั้งหมด 3 หลัง เบื้องต้นสันนิฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน และเจ้าของบ้านได้เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ น่าจะเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ ความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท



ขอบคุณคลิปจาก KTV ฝ่ายข่าว
ที่มา: Manager


สิ้น 'หลวงปู่คำพอง ขันติโก' พระนักปฏิบัติเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน เกจิดังเมืองเลย สิริอายุ 80 ปี


สิ้น 'หลวงปู่คำพอง ขันติโก' เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน เกจิดังเมืองเลย อริยสงฆ์สายปฏิบัติอีกรูปหนึ่ง ด้วยโรคอัมพฤกษ์ และโรคชรา สิริอายุ 80 ปี 60 พรรษา…

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 58 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ลูกศิษย์ของ หลวงปู่คำพอง ขันติโก เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ต.น้ำหมาน อ.เมืองเลย จ.เลย ได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ จากโรคอัมพฤกษ์และโรคชรา หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มานานหลายเดือน สิริอายุ 80 ปี 60 พรรษา โดยมีศิษยานุศิษย์ นำศพจากกรุงเทพฯ นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าอัมพวัน


สำหรับหลวงปู่คำพอง ขันติโก เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2478 ที่บ้านชนบท ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โยมบิดา และโยมมารดาชื่อ นายภู และนางทองมาก แสงจันทร์ เมื่ออายุได้ 19 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดป่าธรรมวิเวก ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โดยมีพระครูศีลสังวราภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาแล้ว ได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าธรรมวิเวก จนอายุครบ 21 ปี ถึงวัยต้องถูกคัดเลือกเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ปรากฏว่าจับได้ใบดำ ไม่ต้องเป็นทหาร
หลวงปู่คำพอง ขันติโก เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน



ต่อมา จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุสายธรรมยุต ทายาทธรรมของหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่แหวน หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ยึดหลักการในการปฏิบัติตนตามแบบอย่าง หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล แนวปฏิบัติของหลวงปู่เสาร์ คือ การอยู่คนเดียวให้รักษาจิต อยู่กลางมิตรให้รักษาวาจา และยึดถือแนวปฏิบัติของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นแนวปฏิบัติมาตั้งแต่ท่านบวช และออกเดินธุดงค์มาโดยตลอด ท่านได้ตั้งอธิษฐานเอาไว้ตั้งแต่บัดนั้นว่า จะครองตนอยู่ในเพศบรรพชิตตลอดชีวิต หลังจากหลวงปู่ซามา อาจุตฺโต เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน มรณภาพลง คณะศรัทธาญาติโยมบ้านไร่ม่วงและพระผู้ใหญ่ จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์หลวงปู่คำพอง ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2523 ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ตามที่หลวงปู่ซามา ได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนที่จะมรณภาพลง

หลวงปู่คำพอง เป็นพระนักปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง อีกรูปหนึ่ง แม้ชื่อเสียงท่านจะไม่โด่งดัง แต่ด้วยความเป็นพระที่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สงบ และสมถะ จึงทำให้ท่านเป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนชาวเมืองเลยและต่างจังหวัดที่ได้ไปกราบไหว้ท่าน ให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธามา โดยตลอดการมรณะภาพของหลวงปู่คำพอง ขันติโก นับเป็นการสูญเสียพระเถระผู้ใหญ่ของจังหวัดเลย อีกรูปหนึ่ง

ที่มา: ไทยรัฐ